วิธีแก้ไขการแจ้งเตือนการแชร์ข้อมูลที่อาจเป็นข้อมูลต้องห้ามบน TikTok

คุณอาจได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางอีเมลหรือในแท็บการวินิจฉัยในตัวจัดการกิจกรรมของ TikTok ว่าตรวจพบข้อมูลที่อาจเป็นข้อมูลต้องห้ามในข้อมูลที่คุณกำลังแชร์ ข้อมูลต้องห้ามรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและนโยบายของ TikTok การแชร์ข้อมูลต้องห้ามถือเป็นการละเมิดข้อกำหนดด้านผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจ (ข้อมูล) ของ TikTok ข้อที่ 2.8 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแจ้งเตือนการแชร์ข้อมูลที่อาจเป็นข้อมูลต้องห้ามบน TikTok

หากคุณได้รับการแจ้งเตือนจาก TikTok ว่าพบข้อมูลที่อาจเป็นข้อมูลต้องห้ามในข้อมูลที่คุณแชร์ คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้านล่างและดำเนินการตรวจสอบและอัปเดตการใช้งานของคุณทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าการแชร์ข้อมูลของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดด้านข้อมูลของ TikTok

วิธีแก้ไขการแจ้งเตือนการแชร์ข้อมูลที่อาจเป็นข้อมูลต้องห้ามบน TikTok

วิธีตรวจสอบคอนเทนต์และการเชื่อมต่อของคุณเพื่อดูข้อมูลต้องห้ามมีดังนี้

1. ใช้ Pixel Helper เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ส่งไปยัง TikTok เพื่อยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการแชร์ข้อมูลและไม่มีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนรวมอยู่ด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการแชร์ข้อมูล โปรดดูข้อกำหนดด้านผลิตภัณฑ์ทางธุรกิจ (ข้อมูล) ของ TikTok และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ TikTok

2. ไปที่แท็บการวินิจฉัยในตัวจัดการกิจกรรมของ TikTok เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับประเภทของข้อมูลและแหล่งที่มาที่ TikTok ระบุ ตรวจสอบข้อมูลการวินิจฉัยเพื่อให้ทราบว่ามีการระบุพารามิเตอร์ใดจากหน้าใด

3. ตรวจสอบการผสานรวมระบบการทำงานกับพิกเซลหรือ API กิจกรรม เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่แชร์ข้อมูลต้องห้ามจากที่ใดก็ตามบนเว็บไซต์หรือแอปของคุณ ซึ่งอาจรวมถึง URL จากหน้าที่มีการติดตั้งพิกเซลหรือ API กิจกรรม, พารามิเตอร์ UTM และชื่อที่คุณเลือกสำหรับผู้ชมที่กำหนดเองหรือกิจกรรมที่กำหนดเอง

4. อัปเดตการผสานรวมระบบของคุณเพื่อหยุดการแชร์ข้อมูลต้องห้ามใดๆ กับ TikTok

5. โปรดดูศูนย์ช่วยเหลือทางธุรกิจของ TikTok หรือติดต่อพาร์ทเนอร์ของคุณที่ TikTok หากมีคำถาม หากต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาแผนการปฏิบัติตามข้อกำหนดการแชร์ข้อมูล โปรดขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางกฎหมายของคุณ

แม้ว่าระบบของ TikTok ได้รับการออกแบบมาเพื่อกรองข้อมูลต้องห้ามที่สามารถตรวจจับได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณคือผู้รับผิดชอบต่อข้อมูลที่คุณแชร์กับ TikTok คุณคือผู้ที่มีสิทธิ์มากที่สุดในการตรวจสอบว่าการผสานรวมระบบการทำงานของคุณจะไม่ส่งข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือต้องห้ามไปยัง TikTok

หากต้องการตรวจสอบว่ามีการส่งข้อมูลต้องห้ามไปกับกิจกรรมของคุณหรือไม่ คุณสามารถใช้ Pixel Helper ของ TikTok และตรวจสอบหน้า พารามิเตอร์ และ URL ที่ได้รับมาล่าสุด เรียนรู้วิธีดูหน้า พารามิเตอร์ และ URL ในตัวจัดการกิจกรรมของ TikTok

วิธีการตรวจสอบว่ามีการส่งข้อมูลต้องห้ามไปกับกิจกรรมของคุณหรือไม่

เมื่อคุณตรวจสอบว่ามีการส่งข้อมูลต้องห้ามไปกับกิจกรรมของคุณหรือไม่ โปรดพิจารณาสิ่งต่อไปนี้

หน้าและพารามิเตอร์

ตรวจสอบหน้าเฉพาะที่คุณใส่โค้ดพิกเซลของ TikTok ไว้ และประเมินว่าหน้าเหล่านั้น รวมถึง URL มีข้อมูลที่อาจถือเป็นข้อมูลต้องห้ามหรือไม่ หรือประเมินว่าคุณยังคงต้องการใช้พิกเซลบนหน้าเหล่านั้นต่อไปหรือไม่

คุณสามารถใช้พิกเซลบนหน้าที่เฉพาะเจาะจงของเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาของคุณ และลบออกจากหน้าที่คุณไม่ต้องการใช้พิกเซลต่อไป ตัวอย่างเช่น คุณไม่ควรส่งข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลจากหน้าเว็บที่ผู้เข้าชมอาจให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น พอร์ทัลข้อมูลผู้ป่วยหรือเว็บแอปพลิเคชันสำหรับการจัดการบัญชีทางการเงินหรือการเตรียมยื่นภาษี หมายเหตุ: ตัวอย่างเหล่านี้เป็นเพียงรายการโดยสังเขป

วิเคราะห์ช่องข้อมูล เช่น แบบฟอร์มบนหน้าเว็บของคุณ และข้อมูลที่คุณส่งพร้อมกับกิจกรรม ซึ่งอาจรวมถึง ID สินค้า, ชื่อคอนเทนต์, กิจกรรมที่กำหนดเอง, พารามิเตอร์การค้นหา URL และพารามิเตอร์ Urchin Tracking Module (UTM) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าช่องข้อมูลและพารามิเตอร์เหล่านี้ไม่มีข้อมูลต้องห้าม ตัวอย่างเช่น พารามิเตอร์ UTM ในสตริง URL อาจมีข้อมูลต้องห้ามจากแลนดิ้งเพจที่ดู

กิจกรรมที่กำหนดเอง

คุณสามารถตั้งค่ากิจกรรมที่กำหนดเองโดยใช้ตัวสร้างกิจกรรมในตัวจัดการกิจกรรม หรือโดยตรงผ่านพิกเซลและ API กิจกรรมบนเว็บ เมื่อคุณใช้ฟีเจอร์โฆษณาเหล่านี้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้แชร์ข้อมูลต้องห้ามกับ TikTok

ตัวอย่างเช่น ผู้ชมที่กำหนดเองของคุณจะต้องไม่แสดงหรือบ่งชี้ถึงข้อมูลต้องห้ามใดๆ เกี่ยวกับบุคคล รวมถึงในชื่อที่คุณเลือกและเกณฑ์ที่คุณกำหนด ข้อมูลต้องห้ามรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของบุคคล เช่น สภาวะทางการแพทย์ ยาหรือการรักษาพยาบาล หรือข้อมูลทางการเงิน เช่น การประกัน ภาษี รายได้ หรือสถานะการยื่นภาษี

หากต้องการตรวจสอบกิจกรรมที่กำหนดเองในตัวจัดการกิจกรรม ให้คลิกแท็บเครื่องมือ เลือกชื่อและ ID ของข้อมูลที่คุณต้องการตรวจสอบ เลื่อนลงไปที่ตารางกิจกรรม จากนั้นเลือกกิจกรรมที่คุณต้องการตรวจสอบ